สัปดาห์นี้ เราจะมาแนะนำธีมใหม่ที่คุณรอคอย สำหรับ Thematic นั่นก็คือ ตลาดหุ้นเวียดนาม
แต่ก่อนอื่น เราจะไปดู
นอกจากนี้ยังมี 10 หุ้นเด่นจาก 5 ตลาดหุ้น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม และสิงคโปร์ เผื่อคุณสนใจอยากลงทุนรับตรุษจีนปี 2564
ปี 2563 สัดส่วนนักลงทุนรายย่อยและสถาบันในเวียดนามมีสูงถึง 88% เทียบกับนักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนเพียง 12% เท่านั้น
Vietnam Securities Depository รายงานว่า นักลงทุนในเวียดนามเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น 86,270 บัญชี ในเดือนม.ค. ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่มีตลาดหุ้น เพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค. ถึง 36.4%
นักลงทุนต่างประเทศก็เปิดบัญชีในเดือนม.ค. มาจำนวนเดียวกัน และเกือบทั้งหมดเป็นนักลงทุนรายย่อยด้วย
ส่วนสภาพคล่องของตลาดหุ้นเวียดนามก็ทำสถิติสูงสุดในเดือนม.ค. ด้วยเช่นกัน ด้วยเม็ดเงิน 20 ล้านล้านดงเวียดนาม หรือ 866.56 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สะท้อนว่าตลาดหุ้นเวียดนามกำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยสูงมาก
แต่หลังจากที่ดัชนี VNI ไต่มาจนจะแตะ 1,200 จุด เมื่อกลางเดือนม.ค. แล้วดัชนีกลับดิ่งลงเกือบ 15% ในรอบ 14 วันหลังจากนั้น
ซึ่งเกิดจากแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนในประเทศ รวมถึงภาวะ Panic Sell และยังมีนักลงทุนบัญชีมาร์จิ้น ที่ต้องหุ้นขายทิ้ง เมื่อเงินที่วางประกันไว้ไม่สามารถรองรับราคาหุ้นที่ตกอย่างรวดเร็วได้
จึงเป็นที่มาให้ State Securities Commission ของเวียดนามจะเริ่มใช้มาตรการ Circuit Breaker โดยมีผลตั้งแต่ 15 ก.พ. เป็นต้นไป ให้เป็นไปตามสภาพการซื้อขายหุ้นปัจจุบัน
โดยก.ล.ต.เวียดนามบอกว่า มาตรการ Circuit Breaker จะใช้ร่วมกับราคา Ceiling และ Floor ด้วย
ตลาดหุ้นเวียดนามเองยังคงจับตาการเข้ามาซื้อขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก เพราะในเดือนธ.ค. มีการหยุดพักซื้อขายมาแล้ว
เปิดบัญชี Thematic วันนี้ แล้วเลือกธีมเวียดนาม คุณจะได้ลงทุนผ่าน VanEck Vectors Vietnam ETF (VNM) ที่ซื้อขายใน BATS Global Markets ตลาดหุ้นทางเลือกของสหรัฐฯ ด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 100,000 บาท
โดย VNM จะลงทุนในบริษัทจดทะเบียนสัญชาติเวียดนาม และบริษัทอื่นๆ ในต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ โดย 50% ของรายได้หรือสินทรัพย์ต้องมาจากเวียดนาม
VNM จะลงทุนและทำผลตอบแทนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนี MVIS Vietnam Index และผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี นับถึง 31 ม.ค. อยู่ที่ 19.57%
สนใจลงทุนธีมตลาดหุ้นเวียดนาม อ่านรายละเอียด
เรารวบรวมบทความเกี่ยวกับเวียดนาม ภาพรวมเศรษฐกิจ โอกาสเติบโตในอนาคต และตลาดหุ้นเวียดนาม มาให้คุณได้เพิ่มพูนความรู้ ก่อนลงทุนตลาดหุ้นเวียดนาม เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้คุณ
แม้ว่า Covid-19 จะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ 'เวียดนาม' กลับมีเศรษฐกิจที่เติบโตได้ดี ดัชนีเกือบจะทำจุดสูงสุดได้อีกครั้ง นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณจึงไม่ควรพลาดลงทุนประเทศนี้
HOSE HNX และ UpCOM คือตลาดหุ้นอะไร มาร์เก็ตแคปใหญ่ขนาดไหน ผลตอบแทนดัชนีย้อนหลัง 1 ปี 5 ปี และ 10 ปี เป็นอย่างไร รวมทุกเรื่องของ 'ตลาดหุ้นเวียดนาม' ที่ต้องรู้ ก่อนลงทุน
คุณอาจกังวลและมีคำถามในใจว่า หุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ แพงไปหรือยัง หากจะเริ่มลงทุนปีนี้
ถ้ามองแค่ราคาหุ้น อย่าง Tesla ที่ราคาพุ่งขึ้นกว่า 743.3% ภายในปีเดียว จาก 83.67 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อปลายปี 2562 ปิดที่ 705.67 ดอลลาร์สหรัฐสิ้นปี 2563
หรือมาร์เก็ตแคปของ Apple ที่ตอนนี้อยู่ที่ 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยล้านล้านแรกทำไว้ตอนสิ้นเดือนส.ค. 2561 ใช้เวลา 37 ปี 8 เดือน แต่ทำล้านล้านที่ 2 ได้เมื่อส.ค. 2563 ใช้เวลาเพียง 2 ปี 18 วัน
ทั้ง 2 ตัวอย่างนี้เกิดจากราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปในช่วงปี 2563 ในภาวะที่ทั่วโลกเจ็บปวดจากวิกฤต Covid-19 ราคาหุ้นธุรกิจหลายตัวตกฮวบฮาบ
แต่โรคระบาดนี้...ทำอะไรหุ้นเทคโนโลยีไม่ได้
Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า หุ้น Big Tech สหรัฐฯ โตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดก่อนที่จะเกิด Covid-19 และราคามาพุ่งแรงในปีที่ผ่านมา เพราะพฤติกรรมผู้ใช้งานต้องพึ่งพาเทคโนโลยีเหล่านี้ และเมื่อ Covid-19 จบลง คาดว่า ราคาหุ้น Big Tech เหล่านี้ จะยังไปต่อได้อีกนาน
ที่ผ่านมา ทางการสหรัฐฯ พยายามเข้ามาตรวจสอบประเด็นเรื่องการครอบครองตลาดของหุ้น Big Tech มาโดยตลอด แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้
แต่ที่ผู้คนทั่วโลกปฏิเสธไม่ได้ คือ เทคโนโลยีมีบทบาทในทุกมิติของการดำรงชีวิต พวกเราต้องพึ่งพาอุปกรณ์ดิจิทัลและซอฟต์แวร์ต่างๆ ทั้งแล็ปท็อป วิดีโอเกม อีคอมเมิร์ซ ระบบคลาวด์ และโฆษณาออนไลน์
Wall Street Journal รายงานว่า รายได้รวมของ 5 Big Tech ได้แก่ Apple Microsoft Amazon Alphabet และ Facebook เพิ่มขึ้นกว่า 20% ในช่วงวิกฤต Covid-19 อยู่ที่ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โตสวนกระแสธุรกิจดั้งเดิมที่พยายามจะอยู่รอดฝ่าโรคระบาดครั้งนี้
กำไรทั้ง 5 Big Tech กลุ่มนี้โต 24% ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้มาร์เก็ตแคปรวมโต 50% อยู่ที่ 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
สวนกระแส Covid-19 ไปกว่านั้น คือ Amazon จ้างงานเพิ่มอีก 500,000 คนใน 1 ปี และคาดกันต่อว่า Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon จะเกษียณตัวเองจากตำแหน่ง CEO ปี 2564 นี้ ก็ไม่สามารถหยุดการเติบโตของอาณาจักร Amazon ได้
คนที่จะมาแทนเข้าคือ Andy Jassy ปัจจุบันกุมบังเหียนฝั่งธุรกิจ Cloud Computing โดยจะดำรงตำแหน่งในไตรมาสที่ 3 แต่ Bezos ไม่ได้เกษียณตัวเองทั้งหมด เพราะเขาจะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร
ปัจจุบัน Amazon มีธุรกิจหลักๆ อีคอมเมิร์ซ อีมาร์เก็ตเพลส ระบบคลาวด์ ล้วนแล้วแต่เป็นตัวสร้างรายได้ในระยะยาว มีลูกค้าจากทั่วโลก
ยอดขายจบที่ 386,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 โตก้าวกระโดดจาก 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 และกำไรสุทธิโตอีกเท่าตัวเป็น 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบัน Amazon มีมาร์เก็ตแคปเป็นอันดับ 3 รองจาก Apple และ Microsoft และทั้ง 3 หุ้นเทค ล้วนมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อพูดถึง Microsoft มีหลายคนบอกว่า ยังเป็นหุ้นเติบโตในปี 2564 โดย The Motley Fool วิเคราะห์ว่า มี 3 เหตุผลคือ
ดูจากภาพใหญ่ของ Big Tech สหรัฐฯ โอกาสของรายได้ และทิศทางของธุรกิจ ผลประกอบการยังคงสดใส ราคาหุ้นอาจจะยังไปได้มากกว่านี้ เพราะหลัง Covid-19 คลี่คลาย ปริมาณการใช้งานอีคอมเมิร์ซ ระบบคลาวด์ หรือเกมออนไลน์ ก็ไม่ได้ลดลงเลย
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO ของ Jitta Wealth ได้จัด ‘Exclusive Q&A with CEO’ ผ่านโปรแกรม Zoom
บริการ Thematic ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ยิ่งเป็นธีมธุรกิจเมกะเทรนด์อย่างหุ้นเทคโนโลยี หุ้นอีคอมเมิร์ซ หุ้นคลาวด์ หุ้นเกมและอีสปอร์ต หุ้นฟินเทค หุ้น AI และหุ่นยนต์ ยังมีข้อกังวลว่า ราคาแพงไปหรือยัง ลงทุนปีนี้ได้อีกไหม
คุณเผ่าได้อธิบายและตอบข้อสงสัยตลอด 2 ชั่วโมง โดยช่วง Q&A อยู่นาทีที่ 55 หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะลงทุนอะไร หรือเลือกธีมไหน ดูคลิปย้อนหลังได้เลย
สมปรารถนา ลงทุนมั่งมี ด้วยหุ้นคุณภาพดีจาก จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เวียดนาม และสิงคโปร์ที่เติบโตดีในปี 2563 เพื่อการลงทุนระยะยาวตามหลักการปู่ Warren Buffet
ราคาพุ่งแรงของหุ้นเทคโนโลยียังเป็นข้อกังขาของนักลงทุน แต่สิ่งที่จะวัดคุณภาพของกิจการคือ ผลประกอบการของบริษัท ยิ่งถ้าพวกเขามีแผนการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน และโฟกัสที่โอกาสในการเติบโตในระยะยาว จะเริ่มลงทุนปีนี้ ก็ยังไม่สาย
เพราะการลงทุนเหมือนการวิ่งมาราธอน จะต้องสะสมพละกำลังที่มาจากการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ เริ่มต้นจากระยะสั้นๆ ไปจนถึงระยะที่ไกลขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา
เริ่มต้นลงทุน หากยังไม่มั่นใจ ก็ลงทุนจากเงินน้อยก่อน แล้วค่อยเพิ่มทุน เมื่อมั่นใจในผลตอบแทนก็ได้
สิ่งสำคัญที่ทิ้งไม่ได้ คือ ศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ที่จะลงทุนให้เข้าใจอย่างท่องแท้ก่อน เพื่อให้ลงทุนได้อย่างสบายใจ กำไรยั่งยืน
แล้วพบกันสัปดาห์หน้า
อ่าน Jitta Wealth Journal สัปดาห์ที่ผ่านมา