GameStop กระทบพอร์ต Jitta Wealth หรือไม่?

2 กุมภาพันธ์ 2564Jitta Wealth Journal

เราจะไปติดตามประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจรอบโลก เริ่มจากประเด็นสุดฮอต

  • หุ้น GameStop กับพอร์ตลงทุน Jitta Wealth
  • การปรับฐานของตลาดหุ้นเวียดนาม
  • ยอดเงินลงทุนจากต่างชาติในจีนแซงหน้าสหรัฐอเมริกา
  • แผน EV ของค่าย General Motors
  • และวัคซีน Covid-19 ตัวใหม่จาก Johnson & Johnson

นอกจากนี้เรายังได้สรุปผลตอบแทน Jitta Ranking เวียดนาม และ Thematic ทั้ง 12 ธีมในปี 2563 รวมทั้งโอกาสการลงทุนในธีมธุรกิจ AI และหุ่นยนต์ มาให้คุณได้ศึกษาดูว่า ปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์จะเปลี่ยนโลกได้อย่างไร

GameStop ฉลาดเกมเกรียน

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสหุ้น GameStop สร้างแรงสั่นสะเทือนให้วงการค้าขายวิดีโอเกมทั่วโลก ด้วยราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นเกือบ 1,650% เพราะนักลงทุนรายย่อยหัวใส รวมตัวกันแก้เผ็ดเหล่าเฮดจ์ฟันด์ใน Wall Street

เหตุเกิดมาจาก บริษัท GameStop ร้านขายวิดีโอเกมที่จดทะเบียนอยู่ใน NYSE มีช่องทางขายหลักคือหน้าร้านในห้างสรรพสินค้าต่างๆ แต่เนื่องจากคนอเมริกันเดินห้างกันน้อยลง ซ้ำแล้วเกิดวิกฤต Covid-19 ทำให้คนเดินห้างหายเกลี้ยง

GameStop ขายของไม่ได้ ธุรกิจซบเซา เหล่าผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์จึงหมายตาหุ้น GameStop ไว้ว่า จะต้องร่วงแน่นอน เลยเปิดสถานะ Short หุ้นกันใหญ่ ถ้าหุ้นร่วงเมื่อไหร่ กองทุนก็จะทำกำไรได้อื้อซ่า

อธิบายง่ายๆ การขาย Short คือ การยืมหุ้นมาขายก่อน แล้วค่อยซื้อหุ้นคืนคนให้ยืมทีหลัง (ในราคาที่ต่ำกว่าตอนยืมมา) ถ้าหุ้นราคาตกมากก็จะได้กำไรมาก แต่ถ้าหุ้นราคาขึ้นสูงกว่าราคาที่ขายไว้ ก็จะขาดทุน ดังนั้น คนที่ Short หุ้น คือคนที่เชื่อว่า หุ้นจะราคาตกในอนาคต

พอเรื่องนี้รู้ไปถึงหูกลุ่มนักลงทุนรายย่อยในเว็บ Reddit ทั้งหมดจึงได้รวมพลังกันปั่นหุ้น GameStop ยกใหญ่

จากราคาหุ้น 19.94 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ไต่มาที่ 35.5 ดอลลาร์สหรัฐ วันที่ 15 ม.ค. 65.01 ดอลลาร์สหรัฐ วันที่ 22 ม.ค. และพุ่งทะยานไปที่ 347.51 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.

ปิดตลาดล่าสุดวันที่ 29 ม.ค. ที่ 325 ดอลลาร์สหรัฐ ในรอบ 19 วันนี้ ราคาหุ้น Gamestop พุ่งไปเกือบ 1,650% (โดนปั่นโหดขนาดนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กน่าจะลองพิจารณากฎ Ceiling กับ Floor เหมือนตลาดหุ้นไทยนะครับ)

ยิ่งราคาหุ้นขึ้นเท่าไหร่ เหล่าเฮดจ์ฟันด์ก็เริ่มหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ ครับ เพราะทุกวินาทีที่หุ้นขึ้น คือเงินที่หายไป กองทุนเฮดจ์ฟันด์หลายกองยื้อไม่ไหว ต้องยอมปิดสถานะ Short แล้วซื้อหุ้นในราคาที่แพงกว่าตอนยืมมา เพื่อนำไปคืนเจ้าของ รับผลขาดทุน (Cut Loss) กันไป ตอนนี้เฮดจ์ฟันด์สูญเงินไปกว่า 6 แสนล้านบาทแล้วครับ

ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินต่างๆ ก็ต้องเข้าไปซื้อหุ้น GameStop ด้วย เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการขาย Stock Options ให้นักลงทุนรายย่อย ยิ่งไปดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้นอีก โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ

นี่จึงเป็นศึกระหว่างเฮดจ์ฟันด์ที่เข้ามาขาย Short หุ้น GameStop กับนักลงทุนรายย่อย ที่ใช้โซเชียลมีเดียชักชวนให้คนระดมไล่ซื้อและเก็บสะสมหุ้นไว้โดยไม่ขาย

อยากดูหนังม้วนนี้แบบละเอียดๆ ตามไปอ่านสรุปปม GameStop ได้ที่นี่

ประเด็นนี้ทำให้วุฒิสภาและ ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ ตื่นตัวไปตามๆ กัน ถึงกับยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาเพื่อให้มั่นใจถึงความมีประสิทธิภาพ เป็นธรรม และความน่าเชื่อถือของตลาดทุน รวมถึงการคุ้มครองผู้ลงทุน

แต่คุณไม่ต้องกังวลใดๆ เกี่ยวกับหุ้น GameStop นี้เลยครับ เพราะหุ้นนี้ไม่เข้าข่ายหุ้นดีราคาถูกที่จะติด 30 อันดับแรกของ Jitta Ranking อยู่แล้ว

อัลกอริทึมของ Jitta เน้นวิเคราะห์คัดเลือกหุ้นจากงบการเงินย้อนหลังเป็น 10 ปี ดูการเติบโต กระแสเงินสด กำไรของธุรกิจ และมูลค่าที่เหมาะสม ตามหลักการของ Warren Buffett

ที่สำคัญ พอร์ต Jitta Ranking เน้นลงทุนระยะยาวเป็นหลัก ไม่มีการ Short หุ้นเพื่อเก็งกำไรอย่างแน่นอนครับ

ส่วนพอร์ต Thematic ที่ให้เลือกลงทุนใน ETF ธุรกิจเกมและอีสปอร์ต ผ่าน Global X Video Games & Esports ETF (HERO) นั้น ก็ไม่ได้ถือ GameStop ในพอร์ตเลย

ดังนั้น ไม่ว่าจะลงทุนนโยบายไหนกับ Jitta Wealth คุณก็สบายใจได้

แต่ที่ต้องติดตามต่อก็คือ มาตรการต่างๆ ที่ ก.ล.ต. สหรัฐฯ อาจนำมาใช้ควบคุมการซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยได้ในอนาคต

เป็นเจ้าของหุ้นวงการเกมระดับโลกกับ Thematic

GameStop ถือเป็นตัวประหลาดของวงการเกมครับ เพราะอุตสาหกรรมเกมนี้ จริงๆ แล้วเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโตมหาศาล และมีหุ้นวงการเกมและอีสปอร์ตอีกเยอะแยะมากมายที่กำลังเติบโตด้วยพื้นฐานและผลการดำเนินงานที่มั่นคง

เพียงแค่คุณเลือกลงทุนธีมเกมและอีสปอร์ต กับ Jitta Wealth Thematic คุณจะได้เป็นเจ้าของบริษัทผู้พัฒนาวิดีโอเกม เกมออนไลน์ และธุรกิจอีสปอร์ตชั้นนำถึง 40 บริษัททั่วโลก ให้พอร์ตได้เติบโตไปกับเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงนี้

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

จังหวะจ่อช้อนรอ หุ้นเวียดนามปรับฐาน

ดัชนี VNI ของตลาดหุ้นเวียดนาม ลดลงอย่างต่อเนื่องในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา และกำลังเป็นประเด็นที่นักลงทุนไทยที่ลงทุนในเวียดนาม เริ่มทวีความกังวลมากขึ้น

ปิดตลาดวันที่ 1 ก.พ. ที่ 1,035.51 ลดลง 2% แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี VNI ลดลง 4 วันติดต่อกัน

ก่อนหน้านี้ ดัชนี VNI ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี วันที่ 15 ม.ค. 1,194.20

เพจ Vietnam Value Investor หุ้นเวียดนาม ได้สรุปบทวิเคราะห์ของ J.P. Morgan เกี่ยวกับตลาดหุ้นเวียดนามไว้ว่า กลยุทธ์ตอนนี้ให้ซื้อทุกการปรับฐาน

J.P. Morgan บอกว่า ตลาดหุ้นเวียดนามจะเป็นขาขึ้นได้ จาก 4 ปัจจัยหลัก คือ

  1. ดอกเบี้ยเงินฝากในเวียดนามต่ำเป็นประวัติศาสตร์
  2. จีดีพียังเป็นบวก มาพร้อมกับนโยบายรัฐบาลต่างๆ ที่ดันให้เศรษฐกิจประเทศเติบโต
  3. เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ
  4. มูลค่าหุ้นเวียดนามที่ยังมีความน่าสนใจ

J.P. Morgan มองว่า การปรับฐานของหุ้นเวียดนามเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน หุ้นโดดเด่น คือ ภาคธนาคารที่กำไรดี และ NPL ต่ำ

นอกจากนี้ยังมีหุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค และไอที ที่เกิดจากเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไหลเข้าเวียดนามมหาศาล จากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Intel Foxconn และ Apple

นอกจากนี้ J.P. Morgan มองว่า การปรับฐานแบบรุนแรง จะทำให้มูลค่าหุ้นกลับมาได้ เพราะมูลค่าหุ้นเวียดนาม จากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (P/E Ratio) ยังถูกมากเมื่อเทียบกับหุ้นเอเชียอื่นๆ

เวียดนาม P/E อยู่ที่ 16.9 เท่า เทียบตลาดหุ้นอื่นๆ ในอาเซียน อย่างไทยอยู่ที่ 26 เท่า อินโดนีเซีย 27.4 เท่า สิงคโปร์ 25.5 เท่า มาเลเซียอยู่ที่ 21.9 เท่า และฟิลิปปินส์ 26.3 เท่า

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ที่ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับฐานในระยะสั้น แต่หลักการของ Jitta Wealth คือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เรามองภาพใหญ่ ดูเทรนด์ระยะยาวกันนะ

ลงทุนหุ้นเวียดนามที่ดี ในราคาที่เหมาะสม

ปี 2563 Jitta Ranking Top 30 ประเทศเวียดนาม ทำผลตอบแทนสูงถึง 23.39% ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามทำผลตอบแทน 14.87%

เวียดนามไม่ได้มีดีแค่ตลาดหุ้น แต่เศรษฐกิจของเวียดนามยังเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โตปีละ 5.9% ในรอบ 4 ปี สวนกระแส Covid-19 ที่เศรษฐกิจทั่วโลกหดตัว

นักลงทุนที่เปิดพอร์ต Jitta Ranking เวียดนาม ลงทุนในหุ้นดีราคาเหมาะสม ก่อนวิกฤต Covid-19 ตอนนี้ได้ผลตอบแทนดีแค่ไหน มาดูกัน

อ่านต่อ

สงครามการค้า ทำอะไรพี่จีนไม่ได้

ปมข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่อดีตประธานาธิบดี Donald Trump พยายามกีดกันจีนทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นขึ้นภาษีนำเข้า มาตรการกีดกันทางการค้า รวมทั้งขึ้นบัญชีดำบริษัทจดทะเบียนสัญชาติจีน ที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วย

แต่จีนก็ยังสามารถแซงหน้าพี่ใหญ่อย่างสหรัฐฯ ได้ เป็นประเทศที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) มากที่สุดในปี 2563 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ

ข้อมูลจากที่ประชุมสหประชาชาติเกี่ยวกับการค้าและการพัฒนา ระบุว่า ตัวเลข FDI ของสหรัฐฯ ลดลง 49% อยู่ที่ 1.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลดลงในภาคการค้า บริการทางการเงิน และการควบรวมกิจการ

สหรัฐฯ มีจุดเด่นในด้านแรงงานมีทักษะ ตลาดเสรี และกฎเกณฑ์การทำธุรกิจไม่ยุ่งยาก

แต่ตัวเลข FDI ของจีนโต 4% อยู่ที่ 1.63 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา โดยโตจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการควบรวมกิจการ ทั้งๆ ที่จีนเป็นประเทศต้นกำเนิด Covid-19 แต่สามารถคุมการแพร่ระบาดได้ภายในไม่กี่เดือน

สำหรับจีนเป็นประเทศเกิดใหม่ที่มีศักยภาพในด้านการผลิตและตลาดผู้บริโภค แต่กฎเกณฑ์การทำธุรกิจและการถือหุ้นของต่างชาติยังคลุมเครือและมีความซับซ้อน

ส่วนตัวเลข FDI ในหลายๆ ประเทศทั่วโลกปี 2563 ลดลง เนื่องจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างเช่น ยุโรปลดลง 42%

สหประชาติคาดการณ์ว่า FDI ทั่วโลกปี 2564 ยังคงซบเซาเหมือนปีที่ผ่านมา

EV มีลุ้นแจ้งเกิด

General Motors มีแผนทำยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle - EV) ในปี 2578 รวมทั้งจะเลิกผลิตรถใช้น้ำมัน ในทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่ง กระบะ และ SUV

GM เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ร่างแผนระยะยาวที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในปี 2583 ทั้งจากรถยนต์ที่ผลิตและโรงงานทั่วโลก

แผนของค่ายรถจากดีทรอยต์ เกิดขึ้นหลังจากที่ Joe Biden เซ็นคำสั่งบริหารหลายฉบับ หนึ่งในนั้นคือ ให้ความสำคัญกับสภาวะโลกร้อน

นอกจากนี้ Biden มีแผนจะเปลี่ยนรถยนต์ของรัฐบาลทั้งหมดให้เป็น EV ที่ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งได้เคยหาเสียงไว้ว่า จะสร้างงานสร้างอาชีพในอุตสาหกรรมยานยนต์และซัพพลายเชนในสหรัฐฯ กว่า 1 ล้านอัตรา

แน่นอนว่า ค่ายรถสัญชาติอเมริกันที่จะได้อานิสงส์จากนโยบายนี้ไปเต็มๆ นอกจาก GM ยังมี Ford และ Tesla นอกจากนี้ยังมีโรงงานค่ายญี่ปุ่นและเยอรมนีที่อยู่ในสหรัฐฯ และผลิต EV ด้วยเช่นกัน

แม้ว่าจะต้องใช้เวลากว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะโละรถเก่ามาเป็น EV ได้ทั้งหมด แต่นโยบายของ Biden สามารถจุดประกายให้ค่ายรถทั่วโลกสามารถวางแผนธุรกิจในอนาคตได้

ถ้าไม่กำหนดแผน EV สหรัฐฯ อาจจะตามหลังยุโรปอีกยาวไกล เพราะพวกเขาเตรียมแบนรถใช้น้ำมันภายในปี 2568 ซึ่งอีกแค่ 4 ปีเท่านั้น ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร เตรียมแบนในปี 2573

ลงทุนธีมที่ชอบ กับผลตอบแทนที่ใช่

ไม่ใช่ทุกธุรกิจ...จะทรุดฮวบเพราะ Covid-19 ยังมีอีกหลายธุรกิจ...ที่ได้ประโยชน์จากการล็อกดาวน์และ Social Distancing

Jitta Wealth สรุปธีมการลงทุนที่โตหลักสิบหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ในปี 2563 จาก 12 ETF ที่ Thematic เข้าไปลงทุน เพื่อให้ผลตอบแทนเติบโตไปตามเมกะเทรนด์โลก

อ่านต่อ

‘AI และหุ่นยนต์’ เปลี่ยนโลกได้อย่างไร โอกาสลงทุนอยู่ตรงไหน

Elon Musk บอกว่า แรงงานคนกำลังถูกทดแทนด้วยปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย ธุรกิจ AI และหุ่นยนต์ จะเปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ได้ยังไง เมื่อเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะหาโอกาสลงทุนในธุรกิจนี้ได้อย่างไร

อ่านต่อ

Johnson & Johnson เตรียมปล่อยวัคซีน Covid-19

ในที่สุด ก็ถึงคราวบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Johnson & Johnson ก็ประกาศผลการทดลองวัคซีน Covid-19 ว่าวัคซีนของพวกเขานั้น หลังฉีด 28 วัน จะมีผลสูงถึง 85% ในการหยุดการติดเชื้อขั้นรุนแรง และลดจำนวนคนที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้

โดยการทดลองของ Johnson & Johnson นั้นพิเศษกว่าเจ้าอื่นๆ ตรงที่ทดลองกับคนจาก 3 ทวีป และกับไวรัสหลายสายพันธุ์ ในขณะที่ Pfizer และ Moderna นั้นทดลองแค่ในสหรัฐฯ เป็นหลัก

ที่สำคัญ วัคซีนของ Johnson & Johnson นั้นยังใช้เพียงแค่โดสเดียว ก็มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อ Covid-19 ถึง 72% ในสหรัฐฯ และ 66% ในละตินอเมริกา และ 57% ในแอฟริกาใต้

ทางบริษัทกำลังขออนุญาตใช้วัคซีนฉุกเฉินจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้

แม้หุ้น GameStop เป็นอุทาหรณ์สอนนักลงทุนทุกคนว่า ตลาดหุ้นมักจะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเสมอ ทำให้ในระยะสั้น เราไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้แน่นอนเลย

พวกผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่เก่งกาจ คิดว่าการ Short หุ้น GameStop นั้นกำไรแน่ๆ แล้ว สุดท้ายยังพลาดท่าต่อพลังมวลชน เจ็บตัวไปตามๆ กัน

ดังนั้น การลงทุนระยะยาวในหุ้นที่พื้นฐานดี ราคาเหมาะสม หรือการซื้อกองทุนแบบ Passive ที่มีการกระจายความเสี่ยงครอบคลุมอย่าง ETF จึงเป็นทางเลือกที่ความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะตัดเอาความไร้เหตุผลของตลาดในระยะสั้นออกไป

พูดถึงการลงทุนระยะยาวแล้ว ตอนนี้ก็ดูจะเป็นจังหวะดีที่นักลงทุนหลายคนรอคอย สำหรับการปรับฐานในระยะสั้นของตลาดหุ้นเวียดนาม

ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตดีสวนกระแสโลก มูลค่าตลาดหุ้นยังถูก คุณจะเริ่มต้นลงทุนหรือเพิ่มทุนตอนนี้...ยังไม่สาย

ถ้าคุณสนใจลงทุนในประเทศเวียดนาม แต่อยากลงทุนเริ่มต้นด้วยเงินแค่หลักแสน...เรามีข่าวดีมาบอกคุณในสัปดาห์หน้า

รอดูนะ ว่าจะเป็นอะไร!

อ่าน Jitta Wealth Journal สัปดาห์ที่ผ่านมา

อินเดียส่งออกวัคซีน Covid-19

กัญชาเสรีในไทย...ที่แรกในอาเซียน

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด