แผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดันตลาดหุ้นขึ้นทั่วโลก
สัปดาห์นี้ เราจะมาติดตาม
มาเริ่มกันเลย
เข้าทำงานวันแรกในฐานะประธานาธิบดี Biden เซ็นคำสั่งบริหาร 17 ฉบับ เรียกได้ว่า มากกว่าอดีตประธานาธิบดี 4 คนก่อนหน้านี้ และอย่างที่รู้กันว่า เขาจะรื้อนโยบายที่ Trump ได้ทำไว้ดูเหมือนว่า สภาคองเกรสเสียงแตก อาจจะทำให้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจแรกภายใต้การบริหารของ Biden ต้องเจออุปสรรค แต่ตลาดหุ้นทั่วโลก ต่างวิ่งขึ้นไปรอแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของ Biden แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการกลับเข้าร่วม Paris Agreement ต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยกเลิกการสร้างกำแพงแนวชายแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโก รวมทั้งยกเลิกข้อห้ามคนจากประเทศมุสลิม 7 ประเทศเข้าสหรัฐฯ
แต่ Biden ยังต้องเผชิญความท้าทายในการบริหารประเทศ เพราะวิกฤต Covid-19 ยังระบาด ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว และคนว่างงานเพิ่มขึ้น
Biden ชูแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะต้องได้รับการโหวตจากสภาคองเกรส แต่เริ่มมีข้อกังขาจากฝั่ง Republican ว่า แผนนี้ใช้เม็ดเงินสูงเกินไปหรือไม่
ตอน Trump ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้ผ่านแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้ว 2 แผน คือ วงเงิน 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านสภาเดือนมี.ค. 63 และ 9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านสภาเดือนธ.ค. 63
Republican มองว่า ยังเร็วไปที่จะอัดงบกระตุ้นเศรษฐกิจหลังจากที่ผ่านแผนล่าสุด เมื่อเดือนธ.ค. ขณะที่ Democrat ยืนยันว่า ไม่สามารถรอได้ เป็นแผนฉุกเฉิน สหรัฐฯ ยังจำเป็นต้องพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้ได้
ดูเหมือนว่า สภาคองเกรสเสียงแตก อาจจะทำให้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจแรกภายใต้การบริหารของ Biden ต้องเจออุปสรรค แต่ตลาดหุ้นทั่วโลก ต่างวิ่งขึ้นไปรอแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของ Biden แล้ว
Morgan Stanley ธนาคารเพื่อการลงทุนข้ามชาติของอเมริกา คาดการณ์ 3 นโยบายที่ Biden จะเร่งจัดการและแก้ปัญหา กับอีก 1 นโยบายที่ไม่เร่งด่วน แต่อาจจะถูกผลักดันให้มีความชัดเจนในช่วง 4 ปีหลังจากนี้
อินเดียส่งออกวัคซีนที่พัฒนาเองในเชิงพาณิชย์ชื่อ Covaxin ไปยังบราซิลและโมร็อกโก และส่งฟรีให้กับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมัลดีฟส์ ภูฏาน บังคลาเทศ และเนปาล
นอกจากนี้รัฐบาลอินเดียได้อบรมผู้จัดการโครงการสร้างภูมิคุ้มกัน Covid-19 ให้กับ 13 ประเทศที่ใช้วัคซีนจากอินเดียด้วย
Covaxin เป็นวัคซีนที่บริษัท Bharat Biotech International พัฒนาร่วมกับรัฐวิสาหกิจ Indian Council of Medical Research ได้รับอนุมัติให้ใช้วัคซีนเป็นการฉุกเฉิน
รัฐบาลอินเดียเตรียมจะกระจายวัคซีน Covaxin ไปอีก 7 รัฐ หลังจากที่ส่งไปแล้ว 12 รัฐในประเทศ วางแผนจะฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ 30 ล้านคนทั่วประเทศ
อินเดียรายงานว่า ฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ไปแล้ว 1.6 ล้านคน ท่ามกลางข้อกังขาจากแพทย์ว่า Covaxin ได้รับการอนุมัติโดยไม่มีข้อมูลจากการทดลองขั้นสุดท้าย มีแค่การยืนยันจากรัฐบาลว่า มันปลอดภัย
คงต้องลุ้นกันต่อว่า วัคซีนที่อินเดียพัฒนาเอง จะแสดงผลอย่างไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือ อินเดียหวังจะคุมวิกฤต Covid-19 ในประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด ในฐานะที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ
Jay-Z นักร้องแรปเปอร์เตรียมให้สนับสนุนทุนจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อส่งเสริมสตาร์ตอัพในธุรกิจกัญชา เจาะจงเฉพาะกลุ่มคนผิวสีให้มีโอกาสลงทุนในธุรกิจนี้
โดย Jax-Z มองว่า ยังมีความไม่เท่าเทียมกัน หากคนผิวสีทำเกี่ยวข้องกับกัญชา ซึ่งจะถูกลงโทษด้วยข้อหายาเสพติด
แต่กลุ่มคนที่กอบโกยรายได้จากการปลดล็อกกัญชาในสหรัฐฯ ให้ถูกกฎหมาย มีเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้น ขณะที่อุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
รัฐแคลิฟอร์เนียได้ปลดล็อกให้กัญชาสามารถนำไปใช้ได้ในทางการแพทย์มาแล้ว 25 ปี และธุรกิจกัญชาที่ถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ก็มีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Cowen & Co ธนาคารเพื่อการลงทุนอิสระข้ามชาติ คาดว่า ธุรกิจกัญชาจะโตถึง 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573
คุณเผ่า ตราวุทธิ์ ได้โฟนอินเข้ารายการ Money Brief (นาทีที่ 12:45) ของ Money Chat เล่าเรื่องโอกาสการลงทุนธุรกิจกัญชา หลังจากที่หลายๆ ประเทศ รวมทั้งไทย ปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด
ยอดขายกัญชาปีที่แล้วทั่วโลก มีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนแค่ 10% ของตลาดทั้งหมด ส่วนอีก 90% ยังซื้อขายแบบผิดกฎหมายอยู่
โอกาสธุรกิจการปลูกและแปรรูปกัญชายังมีช่องว่างในการเติบโตอีกมาก และจะแทรกซึมเข้าไปในตลาดกลุ่ม 90% ได้ในอนาคต
ไม่พลาดโอกาสการลงทุนในกัญชา กับธีมใหม่ ธุรกิจกัญชา (Cannabis) ลงทุนในกองทุน ETFMG Alternative Harvest ETF (MJ)
พอร์ตลงทุน MJ อยู่ในอุตสาหกรรมการเพาะปลูกและแปรรูปกัญชา โดยอิงกับดัชนี Prime Alternative Harvest Index น้ำหนักการลงทุนยังอยู่ในสหรัฐฯ เป็นหลัก
ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 11.52% แต่ผลตอบแทนไตรมาสที่ 4 ปี 2563 สูงถึง 70%
คุณลงทุนในธีมกัญชา จัดพอร์ตร่วมกับธีมตลาดหุ้นและธีมธุรกิจอื่นๆ ได้ 1-5 ธีมครับ เงินลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท เพิ่มทุนครั้งละ 10,000 บาท
เพราะท่าทีสหรัฐฯ ยังไม่แน่ว่าจะกลับมาร่วมมือทางการค้ากับจีนหรือไม่ ทำให้ทางการจีนต้องจับมือกับภาคเอกชน ประกาศ New Infrastructure Initiative แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในระยะเวลา 5 ปี เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาประเทศอื่นๆ
ที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีในจีนต้องพึ่งพาเทคโนโลยีระดับสูงอย่าง 5G เซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยี AI จากสหรัฐฯ แต่เนื่องจาก Trump สั่งห้ามส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังประเทศจีน ทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวขึ้นมาเอง โดย New Infrastructure Initiative นี้ ครอบคลุม 7 ด้าน ได้แก่
คาดว่าต่อจากนี้อีก 5 ปี ธุรกิจเทคโนโลยีเหล่านี้ในประเทศจีนน่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ด้วยเงินลงทุนรวมกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ลงทุนบริษัทเทคโนโลยีจีน ที่น่าจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน New Infrastructure Initiative ผ่าน Jitta Wealth Thematic กลุ่มเทคโนโลยีจีน ดูรายละเอียดที่นี่
คุณเผ่า ตราวุทธิ์ ได้จัดไลฟ์สดผ่าน Zoom ร่วมกับคุณหนุ่มจากเพจ Money Coach ได้พูดถึงโอกาสการลงทุนในธุรกิจเมกะเทรนด์ ที่ได้รับประโยชน์จากวิกฤต Covid-19
การลงทุนใน ETF ต่างประเทศกับ Jitta Wealth เป็นยังไง คุณเผ่ามีมุมมองต่อการลงทุนในหุ้นช่วงที่วิกฤติยังไม่คลี่คลายอย่างไร
ตอนนี้สปอตไลต์จะยังฉายไปที่ความเคลื่อนไหวของ Biden ว่าจะออกนโยบายอะไร จะกระทบต่อตลาดหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน ราคาทองและน้ำมันหรือไม่
ความคาดหวังจากนักลงทุนอย่างเราๆ คงอยากเห็นสถานการณ์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะวิกฤต Covid-19 เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกเฉียด 100 ล้านคน...น่ากลัวมาก
สะท้อนว่า เศรษฐกิจทั่วโลกยังไม่สามารถฟื้นได้ในเร็ววัน และผลประกอบการบริษัททั่วโลกก็ยังไม่สดใส
ทิศทางการลงทุนช่วงนี้ เลือกธุรกิจที่ได้ประโยชน์จาก Covid-19 หรือเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ พอร์ตลงทุนของคุณจะโตอย่างยั่งยืน
แล้วพบกันสัปดาห์หน้า
อ่าน Jitta Wealth Journal สัปดาห์ที่ผ่านมา